เดือนรอมฎอนนับเป็นเดือนที่ 9 ของปฏิทินอิสลามหรือปฏิทินฮิจเราะห์ เป็นเดือนอันประเสริฐที่มีการประทาน อัลกุรอ่านลงมาให้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตของมนุษยชาติ และมีบทบัญญัติให้มุสลิมถือศีลอด ด้วยการงดเว้นการรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม นับตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า และไม่เพียงเท่านี้ผู้ศรัทธาทั้งหลายต้องอดทนต่อการกระทำที่ผิดหลักศาสนา ห่างไกลจากสิ่งที่ไม่ดี ทั้งกาย วาจาและใจ การรับประทานอาหารในเดือนรอมฎอนนั้น แบ่งออกเป็นสองมื้อหลักๆ มื้อแรกก่อนแสงอรุณจะเริ่มขึ้น ที่เรียกว่า “ซาโฮร” มื้อนี้เปรียบเสมือนเสบียงพลังงานของการถือศีลอดตลอดวัน ควรรับประทานอาหารที่ทำให้อิ่มท้องนาน และหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้กระหายน้ำหรือกระตุ้นการขับน้ำออกจากร่างกายเพื่อป้องกันการขาดน้ำระหว่างวัน และเมื่อตะวันลับขอบฟ้า ถึงเวลาของการละศีลอดหรือ “อิฟฏอร” ควรรับประทานอาหารที่ช่วยให้ร่างกายมีการปรับตัวและชดเชยพลังงานที่เสียไปได้เร็วขึ้น และตามด้วยอาหารหลักที่มีสารอาหารครบถ้วน รับประทานอาหารอย่างช้าๆ ในปริมาณที่เหมาะสม
การถือศีลอดมีผลดีต่อสุขภาพโดยรวม หากปฏิบัติตนถูกต้องตามหลักการและมีโภชนาการที่ดีตลอดการถือศีลอด ในคนที่มีภาวะโรคอ้วน ปัจจัยหนึ่งที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพ นั่นคือ การสะสมหรือมีสารที่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบ (pro-inflammatory cytokines) ในปริมาณมากเกินไป เช่น สาร tumor necrosis factor-alpha (TNF-α) และ interlukin-6 (IL-6) สารทั้งสองชนิดเป็นสารไซโตโคน์หรือโปรตีนขนาดเล็กที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบที่หลั่งจากเซลล์ต่าง ๆ ในระบบภูมิคุ้มกันในภาวะที่ถูกกระตุ้นด้วยแอนติเจนหรือตอบสนองต่อภาวะการอักเสบ ถือเป็นสารสื่อกลางการอักเสบถ้าพบในปริมาณมากแสดงว่ามีการอักเสบสูง โดยคนที่มีภาวะโรคอ้วนจะมีปริมาณเนื้อเยื่อไขมันมากขึ้นและมีการขยายขนาดของเซลล์ไขมันดังกล่าวเพิ่มขึ้นด้วย เป็นผลให้เพิ่มการหลั่งของสาร TNF-α และ IL-6 จากเซลล์ไขมัน จากงานวิจัยของ Zohal และคณะปี 2020 [1] ศึกษาผลของการถือศีลอดต่อการลดลงของสารที่เกี่ยวข้องต่อการอักเสบ พบว่าการจำกัดพลังงานและน้ำหนักที่ลดลงจากการถือศีลอดนั้น สามารถลดการผลิตสาร TNF-α และ IL-6 โดยลดการทำงานของ nuclear factor kappa B (NF- κB) ซึ่งเป็นโปรตีนที่ควบคุมการแสดงออกของสารสื่อกลางดังกล่าวในกระบวนการ อักเสบ โดยจะเห็นผลชัดเจนในช่วงปลายเดือนของการถือศีลอดเมื่อเทียบกับก่อนการถือศีลอด นอกจากนี้ ภาวะโรคอ้วนทำให้เกิดความเครียดออกซิเดชัน (oxidation stress) ก่อให้เกิดการอักเสบ ที่ส่งผลต่อการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวาน งานวิจัยของ Madkaur และคณะ ปี 2019 [2] พบว่า
การถือศีลอดช่วยปรับปรุงและเพิ่มการแสดงออกของยีนที่เกี่ยวข้องกับการต้านออกซิเดชั่น ได้แก่ เอนไซม์ Superoxide dismutase 2 (SOD2) และ โปรตีนNuclear factor erythroid 2-related factor 2 (Nrf2) ในสภาวะที่ร่างกายมีปริมาณอนุมูลอิสระ หรือ ROS (Reactive oxygen species) มากขึ้น จะกระตุ้นให้โปรตีน Nrf2 ซึ่งเป็นโปรตีนที่สำคัญในการส่งเสริมให้มีการแสดงออกของสารที่เกี่ยวข้องกับการต้านอนุมูลอิสระ ในที่นี้จะควบคุมการสร้างเอนไซม์ SOD2 เป็นเอนไซม์ต้านออกซิเดชันที่ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระออกจากร่างกายได้ ทำให้สามารถลดการอักเสบที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคนั่นเอง การถือศีลอด นอกจากมีผลดีต่อสุขภาพกายแล้ว ยังมีผลดีต่อสุขภาพจิตใจเช่นเดียวกัน ทำให้มีความยำเกรงต่ออัลลอฮมากขึ้น มีความเห็นอกเห็นใจต่อผู้ยากไร้และด้อยโอกาส อดทนอดกลั้นต่อความยากลำบาก มีความเมตตา เอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ และขัดเกลาจิตใจให้บริสุทธิ์