เมื่อทั่วโลกประสบกับวิกฤติการณ์ไวรัสโคโรน่า 2019 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและชีวิตของผู้คน ภาครัฐมีนโยบายที่ขอความร่วมมือให้เราทุกคนต้องอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ปรับการทำงานเป็น Work from home ทำให้ไม่สามารถออกไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ หลายคนต้องพับแผนการท่องเที่ยวที่วางไว้ข้ามปีเพราะการต้องหยุดให้บริการของกิจการสายการบินและโรงแรม ไวรัสตัวเล็กนี้ทำให้หลายๆ ธุรกิจเล็กใหญ่ต้องสั่นคลอนและได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หลังจากที่สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด19 ในประเทศไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เพื่อให้ชีวิตได้กลับมาดำเนินอีกครั้ง ทุกธุรกิจจะต้องปรับตัวโดยยึดชีวิตในรูปแบบปกติใหม่ (New Normal) ซึ่งถือเป็นเรื่องท้าทายไม่น้อย นักท่องเที่ยวจะให้ความสำคัญด้านสุขภาพ ความสะอาดและความปลอดภัยมากขึ้น วันนี้เราจะพาคุณผู้อ่านมาพบกับการปรับตัวของธุรกิจที่พักโรงแรมหลังยุคโควิด19 กันค่ะ
เริ่มแรกเราจะขอกล่าวถึงภาพรวมของการปรับตัวของโรงแรมในยุค New Normal สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญคือด้านสุขอนามัยและความสะอาดเพื่อควบคุมการระบาดของเชื้อ โดยมีทั้งคำแนะนำพื้นฐานจากภาครัฐและมาตรฐานตามหลักของ Amazing Thailand Saftety & Health Administration (SHA) โดย ททท. ที่ได้วางรูปแบบไว้ โรงแรมจะต้องมีการมาตรการการเตรียมพร้อมเช่น พนักงานจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย วัดอุณฆภูมิก่อนเข้ารับบริการ ให้บริการเจลแอลกอฮอล์ มีป้ายแบ่งพื้นที่ มีการทำความสะอาดฆ่าเชื้อในพื้นที่ให้บริการต่างๆ ซึ่งเราจะขอยกตัวอย่างโรงแรม 3 แห่งใน 3 พื้นที่จังหวัดท่องเที่ยว ที่แรกคือจังหวัดกระบี่ หนึ่งในจังหวัดที่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เป็นจังหวัดที่หลายคนตั้งใจว่าครั้งหนึ่งจะต้องมีโอกาสได้ไปเยือนด้วยกับความสวยงามของทะเลฝั่งอันดามัน และโรงแรมที่เราจะนำคุณผู้อ่านไปชมคือ Aonang Princeville Villa Resort & Spa, Krabi ตั้งอยู่ที่หาดอ่าวนาง อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ ทางโรงแรมได้เตรียมการปรับตัวและเปลี่ยนแปลงในรูปแบบ New Normal มีการเตรียมพร้อมพนักงานให้สวมหน้ากากอนามัย มีบริการเจลแอลกอฮอล์ มีการแยกขยะติดเชื้อเพื่อกำจัด ทั้งนี้อ่าวนาง ปริ๊นซ์วิลล์ วิลล่า รีสอร์ทแอนด์สปาได้ผ่านมาตรฐานตามหลักของ Amazing Thailand Saftety & Health Administration (SHA)โดย ททท ผ่านมาตรฐานโรงแรมปลอดภัยจากกรมอนามัยตามมาตรการป้องกันและควบคุมการระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 และมาตรฐานสปาปลอดภัยโดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการ
ลำดับต่อไปคือ Mira Residence & Resort ตั้งอยู่ที่อำเภอเมืองเชียงใหม่ ได้มีมาตรการณ์การป้องกันคือ พนักงานทุกคนสวมใส่หน้ากากอนามัยขณะที่ทำงาน บริการวัดอุณหภูมิ ตรวจวัดอุณหภูมิผู้เข้าพัก รองรับการจ่ายเงินโดยลดการสัมผัสเงินสด มีป้ายแบ่งทางเข้าออก Lobby โรงแรมและร้านอาหารที่ชัดเจน มีมาตรการรักษาระยะห่างในลิฟต์ สระว่ายน้ำมีการตรวจวัดค่าคลอรีนสม่ำเสมอ และจำกัดรอบแขกผู้เข้าพักในการลงเล่นสระว่ายน้ำ ในส่วนของห้องพักมีการทำความสะอาด พร้อมเช็ดน้ำยาฆ่าเชื้ออย่างละเอียด พร้อมทำความสะอาดจุดเสี่ยงในห้องพักทั้งหมด
และลำดับสุดท้ายคือ ชาฟารีสอร์ท ตั้งอยู่ในอำเภอแม่สอด จังหวัดตราด ซึ่งแม่สอดถือเป็นศูนย์เศรษฐกิจการค้าพิเศษชายแดน หลังจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตโรคระบาดก็มีการปรับตัวเพื่อกลับมาเปิดใหม่อีกครั้ง โดยทางรีสอร์ทได้มีการปรับลดราคาลง มีการทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อรวมถึงการซักผ้าปู ปลอกหมอน ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ปิดบริการสระว่ายน้ำ ติดตั้งเจลแอลกอฮอล์ไว้ตามจุดต่างๆ , ลดการใช้เงินสดโดยขอความร่วมมือให้ชำระค่าบริการผ่านอินเทอร์เนตหรือผ่านแอปธนาคารแทนการใช้เงินสดซึ่งจะช่วยลดการสัมผัสและลดความเสี่ยงจากการจัดเก็บแบบเงินสด และปฏิบัติตามมาตรการต่างอย่างเคร่งครัด
เห็นได้ว่าแต่ละโรงแรมที่พักมีความพยายามอย่างมากในการเปลี่ยนแปลงเพื่อเตรียมพร้อมในการบริการอีกครั้ง หากผู้ประกอบการประยุกต์ทำตามมาตรฐาน Amazing Thailand Saftety & Health Administration (SHA) ควบคู่กับหลักแนวคิดการท่องเที่ยวและบริการที่เป็นมิตรต่อนักเที่ยวมุสลิม (Muslim Friendly Tourism and related Services)” จะยิ่งสร้างความเชื่อมั่นและการเลือกใช้บริการของนักท่องเที่ยวที่กว้างขึ้น สุดท้ายนี้ในวิกฤตของปัญหาที่ประสบ จะนำมาซึ่งการพัฒนาสิ่งใหม่ รูปแบบใหม่ วิถีชีวิตใหม่ที่ต้องปรับตัวกัน แต่ถ้าหากเราร่วมมือร่วมใจกัน รักษาระยะห่าง การ์ดอย่าตก หันมาท่องเที่ยวไทยในสไตล์ New Normal ในไม่ช้าธุรกิจท่องเที่ยวไทยจะกลับมาแข็งแรงขึ้นอีกครั้งอย่างแน่นอน