Switch to the dark mode that's kinder on your eyes at night time.

Switch to the light mode that's kinder on your eyes at day time.

Switch to the dark mode that's kinder on your eyes at night time.

Switch to the light mode that's kinder on your eyes at day time.

, , , , , , ,

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสมุนไพรไทยสู้ ‘โควิด 19’

Share
Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin
Share on pinterest
Share on tumblr
0

วิกฤต “โควิด-19” กลายเป็นโอกาสของ “สมุนไพรไทย” หลายๆ ตัว ไม่ว่าจะเป็น ฟ้าทะลายโจร หรือ กระชาย เนื่องจากพบว่ามีฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อโคโรน่าไวรัสซึ่งเป็นเชื้อที่ทำให้เกิดโรค โควิด-19 ได้ดี โดยเฉพาะ ‘ฟ้าทะลายโจร’ ถูกจัดเป็นหนึ่งในบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร รักษาโรค โควิด-19 แล้ว [1] 

ฟ้าทะลายโจร มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Andrographis paniculata (Burm. f.) Wall. ex Nees ประกอบด้วยสารสำคัญที่มีฤทธิ์รักษาโรค 4 ชนิด ได้แก่ สารแอนโดรกาโฟไลด์ (andrographolide), ดิออกซีไดดีไฮโดรแอนโดรกราโฟไลด์ (14-deoxy-11,12-didehydroandrographolide), นีโอแอนโดรกราโฟไลด์ (neo-andrographolide) และสารดิออกซิแอนโดรกราโฟไลด์ (14-deoxyandrographolide) การศึกษาทางเภสัชวิทยาพบว่าสารแอนโดรกาโฟไลด์สามารถต้านอักเสบ ต้านไวรัสหลายชนิด กระตุ้นภูมิคุ้มกันโดยกำเนิด (Innate immunity) ทั้งการตอบสนองโดยการใช้สารน้ำ (Humoral immunity) และการตอบสนองชนิดพึ่งเซลล์ (Cell-mediated immunity) เช่น เพิ่มการจับกินเชื้อโรค (phagocytosis) ของเม็ดเลือดขาวชนิด macrophage ได้ [2] ในปัจจุบันรูปแบบยาฟ้าทะลายโจรในท้องตลาด พบได้ 2 รูปแบบ คือ ยาจากผงฟ้าทะลายโจร และยาจากสารสกัดฟ้าทะลายโจร ตามบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร, ฉบับที่ 2, 2564 การใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาโรคโควิด 19 จะใช้เฉพาะโรคที่มีความรุนแรงน้อยและเพื่อลดการเกิดโรคที่รุนแรงเท่านั้น โดยรับประทานในขนาดยาที่มีปริมาณสารแอนโดรกาโฟไลด์ 180 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งยาฟ้าทะลายโจรในท้องตลาดควรมีการระบุปริมานสารแอนโดรกาโฟไลด์ไว้ข้างขวดด้วยเพื่อการกำหนดปริมาณการรับประทาน โดยแบ่งทานวันละ 3 ครั้ง (60 มิลลิกรัมต่อเม็ดต่อมื้อ) เป็นระยะเวลานาน 5 วัน [1] ไม่ควรทานติดต่อกันเกิน 5 วันต่อสัปดาห์ และไม่ควรทานต่อเนื่องเกิน 3 เดือน สำหรับผู้ป่วยที่ใช้ยาฟ้าทะลายโจรควรทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่ควรซื้อเองตามอินเทอร์เน็ตเพื่อความปลอดภัยเนื่องจากอาจไม่มี อย. และยาฟ้าทะลายโจรไม่สามารถป้องกันเชื้อโควิด-19 ได้ จึงไม่ควรซื้อมากักตุน

อีกหนึ่งสมุนไพรไทยที่หลายคนจับตามองคือกระชาย กระชายมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Boesenbergia rotunda (L.) Mansf. จัดอยู่ในวงค์ขิงข่า (Zingibe-raceae) ตามตำรายาไทยจะใช้เหง้ากระชายช่วยขับลม ลดอาการท้องอึด ท้องเฟ้อ แก้ปวดมวนท้อง รักษาโรคในปาก ชาวบ้านทั่วไปใช้ประกอบอาหารเพื่อดับกลิ่นคาวของปลา เมื่อเร็วๆนี้ทีมวิจัยคนไทยค้นพบว่าสารสกัดจากกระชายขาวสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ได้ถึง 100% โดยสารสำคัญทั้ง 2 ตัวที่อยู่ในกระชายขาว คือ แพนดูราทิน เอ (Panduratin A) และ พิโนสโตรบิน (Pinostrobin) สารทั้งสองตัวนี้ในกระชายขาว สามารถทำหน้าที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ในหลอดทดลอง โดยสารทั้งสองตัวนี้สามารถลดจำนวนเซลล์ที่ติดเชื้อจาก 100% ได้ถึง 0% นอกจากนี้ยังสามารถยับยั้งเซลล์ในการผลิตไวรัสได้ถึง 100% อีกด้วย [3]  ในขณะนี้ทางมหาวิทยาลัยมหิดล และศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) หรือ TCELS ยังอยู่ในระหว่างการทดลองเก็บข้อมูล ยังไม่มีการผลิตยาใดๆ ออกสู่ตลาด อย่างไรก็ตามหากต้องนำมาใช้กับผู้ป่วยจริง ๆ การค้นคว้านี้ยังคงอยู่ภายใต้การทดลอง เพื่อพัฒนาให้มีความปลอดภัยมากขึ้น นอกจากนี้มีผลจากการศึกษาน้ำคั้นจากเหง้ากระชายสด พบว่าไม่ก่อให้เกิดความเป็นพิษต่อเซลล์เม็ดเลือดแดงในไขกระดูก และในเลือดของหนูขาวเมื่อทดสอบด้วยวิธีไมโครนิวเคลียส แม้จะให้หนูในขนาดความเข้มข้นสูงถึง 600 mg/kg ต่อเนื่องกัน 30 วัน [4] จึงแนะนำให้ใช้เป็นพืชสมุนไพรที่รับประทานสดหรือคั้นน้ำในสภาวะปกติได้อย่างปลอดภัย 

ในสถานการณ์แบบนี้หากมองเข้าไปในครัวบ้านเราเอง สมุนไพรที่เรากินอยู่แทบทุกวันก็สามารถเสริมภูมิคุ้มกันของเราได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นหัวหอมแดง กระเทียม กระชาย ขิง ข่า ตะไคร้ เป็นต้น สมุนไพรไทยเหล่านี้ก็มีสรรพคุณหลักคล้าย ๆ กัน คือ ช่วยบรรเทาอาการไอ แก้หวัด คัดจมูก นอกจากนี้ยังมีสารสำคัญ เช่น อัลลิซิน (Allicin) เคมเฟอรอล (kaempferol) จินเจอรอล (gingerol) เควอซิติน (quercetin) ที่มีส่วนช่วยต้านการอักเสบ และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันได้อีกด้วย สุดท้ายหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้อ่านจะดูแลตนเองเพื่อส่วนรวมร่วมกับการฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงให้ครบโดสซึ่งเป็นวิธีป้องกันที่ควรปฏิบัติ 

การใช้ยาฟ้าทะลายโจรมีข้อควรระวังดังนี้ [1]

  1. หากมีอาการจากการติดเชื้อแบคทีเรียไอ เจ็บคอ มีไข้ หนาวสั่น หรือมีตุ่มหนองในไม่ควรใช้ยาฟ้าทะลายโจร
  2. ไม่ควรทานร่วมกับยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยาแอสไพริน ยาลดความดัน โคลพิโดเกรล และวาร์ฟาริน
  3. ไม่ควรทานเป็นเวลานานกว่ากำหนดเพราะอาจทำให้แขนขาเกิดอาการอ่อนแรง
  4. หากมีอาการแพ้ เช่น ผื่นขึ้น หายใจลำบาก หน้าบวม ริมฝีปากบวม ให้หยุดทานยาฟ้าทะลายโจรทันที
  5. หากภายใน 3 วันอาการยังไม่ดีขึ้นควรเข้าพบแพทย์อีกครั้ง
  6. ยาฟ้าทะลายโจรไม่ควรใช้ในสตรีตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
  7. ควรระวังการใช้ร่วมกับยาที่กระบวนการเมทาบอลิซึม ผ่านเอนไซม์ Cytochrome P450 (CYP) เนื่องจากฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ยับยั้ง CYP1A2, CYP2C9 และ CYP3A

ผู้เขียน

เขียนโดย นารีญา วาเล๊าะ

Compiled by Nareeya Waloh
อ้างอิง …

[1] ศูนย์ข้อมูลข่าวสารด้านเวชภัณฑ์ กระทรวงสาธารณสุข (2021). ประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ เรื่อง บัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2564.

[2] Gupta S, Mishra KP, Ganju L. (2017). Broad-spectrum antiviral properties of andrographolide. Archives of Virology. Mar 162(3), 611-623. 

 [3] Kanjanasirirat, P., Suksatu, A., Manopwisedjaroen, S. et al. (2020). High-content screening of Thai medicinal plants reveals Boesenbergia rotunda extract and its component Panduratin A as anti-SARS-CoV-2 agents. Scientific Reports. 10, 19963. https://doi.org/10.1038/s41598-020-77003-3

[4] U-pathi J, Sudwan P. (2013). Toxicity study of Boesenbergia rotunda (L.) Mansf. Juice by using micronucleus test in male wistar rat. Thai Journal of Genetics. (1), 187-191.

อ่านทั้งหมด

HALAL INSIGHT ฮาลาล อินไซต์ 
www.halalinsight.org

Back to Top
Share via
Share this