สวัสดีคุณผู้อ่านทุกท่านครับ คอลัมน์ Halal Talk ในฉบับนี้ ผู้เขียนได้ถอดบทสัมภาษณ์ รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในประเด็นเรื่อง “วัคซีน Covid-19 ฮาลาลหรือไม่” โดยมีอาจารย์สมาน งานโขนง เป็นพิธีกรสัมภาษณ์ครับ
อาจารย์สมาน : อัสลามมูอาลัยกุมครับอาจารย์ ตอนนี้ก็จะเริ่มเข้าสู่เดือนรอมฎอนแล้วนะครับอาจารย์
รศ.ดร.วินัย : มีความสุขทุกครั้งครับ ที่เข้าสู่เดือนรอมฎอน เราก็ยังคงอยู่ COVID-19 อยู่นะครับ
อาจารย์สมาน : อาจารย์ครับ หลายคนมีความสงสัยหรือมีนัยยะอย่างไร อะไรคือความแตกต่างระหว่างการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบแรกและรอบสองครับ?
รศ.ดร.วินัย : อันที่จริงแล้วหลายประเทศเรียกกันว่าการระบาดรอบ 2 แต่เชื้อที่เกิดการระบาดคือเชื้อตัวใหม่ ซึ่งมันเป็นเชื้อคนละตัวกัน โดยเชื้อมีการเปลี่ยนแปลงไป เลยกลายเป็นการระบาดของเชื้อรอบใหม่ของเชื้อตัวใหม่ครับ ไม่อยากให้เรียกว่ารอบ 2 ซึ่งมันก็เป็นธรรมชาติของการระบาดในรอบใหม่มักจะรุนแรงกว่ารอบแรก ในทางจิตวิทยานั้น เวลาเจอปัญหารอบแรก คนเรามักจะระวังตัว ถ้าดูจากสถานการณ์ของการติดเชื้อของคนไทยในปัจจุบันแล้ว พบการติดเชื้อที่ค่อนข้างสูง แตกต่างกับรอบใหม่มากที่พบจำนวนผู้ติดเชื้อจากการออกสำรวจเชิงรุกในกลุ่มของแรงงานต่างประเทศ ด้วยลักษณะนิสัยของคนไทย การดูแลรักษาผู้ติดเชื้อค่อนข้างดี ทำให้เกิดการชื่นชมที่ดีจากประเทศเพื่อนบ้าน แต่การระบาดยังคงเป็นปัญหาในกลุ่มวงเหล้า กลุ่มวงการพนัน ซึ่งมันก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ทำให้การระบาดรอบใหม่ยังคงเรื้อรัง ประโยคที่ว่า “ถ้ารู้สึกว่าปลอดภัย คืออันตราย” จากการระบาดของรอบแรกรู้สึกอันตราย คนเราเลยรู้สึกว่าต้องป้องกัน แต่เมื่อเกิดการระบาดของรอบใหม่ขึ้น เรารู้สึกว่าปลอดภัยกว่ารอบแรก ทำให้การป้องกันตรงนี้ลดลงไป จึงอันตรายได้
ในปัจจุบันประเทศเพื่อนบ้านมียอดของผู้ติดเชื้อทะยานพุ่งสูงขึ้นมาก ผมได้ไปพูดคุยประเด็นเรื่องวัคซีนและสถานการณ์ในประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีวิทยากรหลายท่านจากหลายสถาบันแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกันไป ซึ่งในความเห็นของผม “เมื่อชาวบ้านรู้สึกไม่สบายใจในเชิงศาสนา เราต้องให้เกียรติ และอย่าไปพูดบังคับเขา หากเรารู้สึกว่าปลอดภัย เราต้องพิสูจน์ให้เห็นชัดให้ได้”
อาจารย์สมาน : ปัจจุบันวัคซีน เริ่มมีการผลิตและใช้อย่างเป็นทางการ อยากทราบว่ามันสามารถใช้ได้และเหมาะสมหรือไม่ มีส่วนประกอบอะไรบ้าง?
รศ.ดร.วินัย : หลายคนเข้าใจว่าวัคซีนคือยา จริงๆ แล้วไม่ใช่ ยาที่เรากินเข้าไปจะต้องเข้าไปรักษาอวัยวะในร่างกาย แต่วัคซีนมันไม่ใช่ยา เมื่อฉีดเข้าไปแล้วจะเข้าไปกระตุ้นตัวยาในร่างกายเรา สิ่งที่อัลลอฮ์ (ซบ.) สร้างกลไลต่างๆในร่างกายเรานั้นคือ ยา เพราะฉะนั้น สิ่งหนึ่งที่อิสลามบอกชัดเจนในซูเราะห์ อัลอิสเราะห์ อายะห์ที่ 82 “อัลลอฮ์ทรงประทานกุรอ่านลงมาและกุรอ่านจะช่วยเยียวยา การอ่านอัลกุรอ่าน เสมือนการสร้างกำลังใจ เยียวยาและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายได้
ในร่างกายเรามีเซลล์เม็ดเลือดขาวแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม มีอยู่กลุ่มหนึ่ง คือ ลิมโพไซท์เซลล์ B และ T ซึ่งเซลล์ T จะเป็นกลุ่มที่มีหน้าที่ทำลายกลุ่มของเซลล์แบคทีเรีย ในขณะที่กลุ่มของเซลล์ B จะไปกระตุ้นร่างกายให้สร้างภูมิคุ้มกัน และจะไปกระตุ้นเซลล์บางกลุ่มให้สร้างการจดจำ ซึ่งวัคซีนจะไปกระตุ้นการจดจำให้เซลล์เหล่านี้เกิดการทำงาน หากมีการติดเชื้อไวรัสครั้งใหม่ เซลล์เหล่านี้จะสามารถทำลายเซลล์ไวรัสได้โดยไม่ต้องมีการฉีดวัคซีนใหม่อีกครั้ง เราในฐานะนักวิทยาศาสตร์ต้องสามารถพิสูจน์ให้ได้ว่า มันปลอดภัย ต้องทำให้ชาวบ้านรู้สึกว่าปลอดภัย แต่ไม่ควรพูดโดยไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ไม่ได้ ในความเห็นส่วนตัวของผมเอง ถ้าถามว่า ผมจะฉีดหรือไม่นั้น ไม่อาจจะตอบได้ชัด อยู่ที่สถานการณ์ เพราะว่าโรคที่เกิดการระบาดนั้นจะมีความสัมพันธ์กับเรื่องปรากฏการณ์ ภูมิคุ้มกันหมู่หรือ Herd immunity ที่เกิดจากการที่คนส่วนใหญ่เริ่มมีการฉีดวัคซีนมากขึ้น และการอยู่ร่วมกันในสังคมที่มีการป้องกันนั้น ถือว่าปลอดภัย แต่หากพบว่าเราเองอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่เสี่ยงมาก ก็จำเป็นต้องฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายครับ ส่วนองค์ประกอบของวัคซีนที่ประชาชนมีความวิตกกังวล คือการใช้เจลาตินจากสุกรในการพัฒนาวัคซีน เพื่อที่จะรักษาสภาพของการทำงานของวัคซีน เช่นเป็นสาร stabilizer จะช่วยให้เชื้อที่ใส่ลงไปผสมในวัคซีนนั้น คงสภาพอยู่ได้อย่างมีศักยภาพ
ดร.วินัย ท่านยังกล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญคือ ศรัทธา หากเราสามารถพิสูจน์หรือมีหลักฐานอย่างแน่ชัดในเรื่องของวัคซีนว่าฮาลาลสามารถสร้างความสบายใจให้กับผู้บริโภคได้ ก็เป็นสิ่งที่ควรทำมากกว่าบังคับให้ฉีดโดยไม่ได้มีอะไรมารองรับความเชื่อว่าการฉีดวัคซีนมันดีและปลอดภัยเพียงอย่างเดียว
สัมภาษณ์โดย อาจารย์สมาน งามโขนง
เรียบเรียงบทความโดย นายอิรฟัน แวหะมะ